วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิดีโอชื้นแรก

https://drive.google.com/file/d/0B-_JWda3djyINTZWaExhN0ZtZjg/edit?usp=sharing

การตัดต่อวิดีโอ


วิธีการตัดต่อวิดีโอ
Ulead นั้นก็สามารถที่จะจับภาพแบบ analog ได้เช่นกัน ในกรณีนี้ คุณจะต้องหาการ์ดจับภาพเช่นการ์ดรับโทรทัศน์ที่เป็นแบบ analog มาใช้งาน การใช้งานนั้นก็เหมือนกับการ firewire
ส่วนติดต่อกับผู้ใช้  

  โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ Ulead VideoStudio
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ Ulead VideoStudio
1Step Panel
      กลุ่มของปุ่มที่ใช้สลับไปมาในขั้นตอนต่างๆ ของการตัดต่อวีดีโอ เช่น ต้องการจับภาพจากกล้องวีดีโอก็คลิกปุ่ม 
Capture หากต้องการแก้ไข/ตัดต่อวีดีโอ คลิกปุ่ม Edit ต้องการใส่ข้อความในวีดีโอ คลิกปุ่ม Title เป็นต้น
2. Menu Bar
     แถบเมนูของชุดคำสั่งต่างๆ เช่น สร้างโครงการใหม่ เปิดโครงการ บันทึกโครงการ เป็นต้น
3. Options Panel
      ส่วนนี้จะมี ปุ่มและข้อมูลอื่นๆ ที่ให้คุณได้ปรับแต่งคลิปที่คุณเลือกไว้ ฟังชั่นก์ต่างๆ ในส่วนนี้จะเปลี่ยนไปตามขั้นตอนที่คุณกำลังทำงานอยู่ เช่น คุณเลือกคลิปวีดีโอ ก็จะมีฟังก์ชั่นต่างๆ สำหรับจัดการกับคลิปวีดีโอ หรือคุณเลือกเสียง ก็จะมีฟังก์ชั่นสำหรับการจัดการเรื่องเสียง เป็นต้น
4Preview Window
      หน้าต่างแสดงคลิปปัจจุบันตัวกรองวีดีโอเอฟเฟ็กต์หรือตัวหนังสือ ต้องการดูผลลัพธ์ของการตัดต่อต่างๆ สามารถดูได้ในหน้าต่างนี้
5. Navigation Panel
      มีปุ่มสำหรับเล่นคลิปวีดีโอและสำหรับตัดวีดีโอ ในขั้นตอนการจับภาพส่วนนี้จะทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ควบคุมกล้องวีดีโอ เช่น เล่นวีดีโอ หยุด หยุดชั่วขณะ กรอไปข้างหน้า กรอกลับ เป็นต้น
6. Library
      เก็บและรวบรวมทุกอย่างไว้ ไม่ว่าจะเป็น วีดีโอเสียงภาพนิ่งเอฟเฟ็กต์ต่างๆ เป็นต้น ทำให้สะดวกในการเรียกใช้งาน
7. Timeline
      แสดงคลิปตัวหนังสือและเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ที่อยู่ในโครงการ

Step Panel
            ส่วนนี้เป็นส่วนของขั้นตอนต่างๆ ในการตัดต่อวีดีโอ ขั้นตอนเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องทำทุกขั้นตอน หรือข้ามขั้นตอนใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดต่อวีดีโอของคุณเอง
ขั้นตอนตัดต่อคือ
1.Capture (จับภาพจากกล้อง/ดึงข้อมูลวีดีโอจากแผ่น CD/DVD)
2.Edit (แก้ไข/ตัดต่อ)
3.Effect (ใส่เอ็ฟเฟ็กต์)
4.Overlay (ทำภาพซ้อน)
5.Title (ใส่ตัวหนังสือ)
6.Audio (ใส่ดนตรีประกอบ/บันทึกเสียงบรรยาย)
7.Share (บันทึกวีดีโอที่ตัดต่อแล้ว ลงสื่อต่างๆ)
            ขั้นตอนต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้น สามารถข้ามไปยังส่วนอื่นได้ เช่น อาจจะไปใส่ดนตรีประกอบก่อน แล้วมาใส่ตัวหนังสือภายหลังก็ได้ หรือเมื่อตัดต่อเสร็จในข้อ แล้วก็อาจจะไปเลือกข้อ เพื่อเขียนลงแผ่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำครบทุกขั้นตอน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณจะตัดต่อวีดีโออย่างไร และต้องทำอะไรบ้างในการตัดต่อ
ขั้นตอนต่างๆ ในการตัดต่อวีดีโอ
    เมื่อเปิด project ใน Ulead แล้ว ในขั้นตอน Capture นี้ คุณสามารถที่จะบันทึกวีดีโอจากกล้องวีดีโอดิจิตอลเป็นไฟล์ลงในคอมพิวเตอร์ได้ วีดีโอที่บันทึกจากกล้องลงคอมพิวเตอร์นั้น สามารถที่จะบันทึกเป็นไฟล์เพียงไฟล์เดียว หรือให้แยกเป็นไฟล์ได้หลายๆ ไฟล์โดยอัตโนมัติ และในขั้นตอนการจับภาพนี้ นอกจากคุณจับภาพวีดีโอแล้วยังสามารถที่จะบันทึกภาพจากวีดีโอเป็นภาพนิ่งได้อีกด้วย
    ขั้นตอนการแก้ไขและ Timeline นี้ เป็นจุดสำคัญของการใช้ Ulead VideoStudio ในขั้นตอนนี้คุณสามารถที่จะเรียงลำดับคลิปวีดีโอ ที่ถ่ายมาแต่ไม่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์กัน ก็มาเรียงลำดับเหตุการณ์ในขั้นตอนนี้ หรือแทรกคลิปวีดีโออื่นๆ เข้ามาในกระบวนการตัดต่อ เช่น หลังจากที่คุณจับภาพมาจากกล้องแล้ว เห็นว่าคลิปวีดีโอที่มีอยู่ในเครื่อง เหมาะสม น่าที่จะนำมาแทรกในบางช่วงของวีดีโอที่คุณกำลังตัดต่อ ก็สามารถทำได้ กรณีที่มีคลิปวีดีโอเพียงไฟล์เดียว เช่น จับภาพวีดีโอมาเป็นไฟล์เดียว ไม่ได้แยกไฟล์เป็นหลายๆ ส่วน ก็สามารถตัดแยก scene วีดีโอได้ เพื่อใส่เอ็ฟเฟ็กต์ระหว่างscene ลบคลิปวีดีโอที่ไม่ต้องการออก ตัดคลิปวีดีโอบางส่วนที่ถ่ายเสียหรือไม่ต้องการออก และการใส่วีดีโอฟิลเตอร์ (เช่น การใส่ตัวฟิลเตอร์ฝนตกในคลิปวีดีโอ ทำให้คลิปวีดีโอนั้นดูเหมือนมีฝนตกจริงๆ ) ก็สามารถทำได้ในขั้นตอนนี้เช่นกัน
    ในขั้นตอนนี้ ให้คุณสามารถใส่ทรานสิชั่น (transition) ระหว่างคลิปวีดีโอใน project ซึ่งในUlead นี้จะมีกลุ่มของทรานสิชั่นต่างๆ ให้เลือกอย่างมากมายใน Library
ทรานสิชั่น เป็นเอ็ฟเฟ็กต์ที่ใส่ไว้ในระหว่างคลิป ทำให้วีดีโอดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น ฉากที่ค่อยๆ จางหายไปจนมืด แล้วก็มีฉากถัดไปที่จางแล้วค่อยๆ ชัดเจนขึ้น หรือ ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนฉากนั้น จะมีภาพซ้อนกันของทั้งสองฉาก เป็นต้น นี่เป็นการใส่ทรานสิชั่นนั่นเอง
    ขั้นตอนนี้เป็นการซ้อนคลิปวีดีโอบนคลิปวีดีโอที่มีอยู่ เหมือนกับที่เราดูโทรทัศน์ ที่มีการสัมภาษณ์บุคคลเกี่ยวกับดารา แล้วก็มีกรอบเล็กๆ เป็นภาพของดาราที่กำลังดูบุคคลอื่นพูดถึงตนเองอยู่
    ใส่ตัวหนังสือในวีดีโอ เช่น ชื่อเรื่องวีดีโอ แสดงชื่อบุคคล หรือตัวหนังสือปิดท้ายวีดีโอ ใครถ่ายทำ ถ่ายเมื่อไหร่ ที่ไหน เป็นต้น สามารถที่จะสร้างตัวหนังสือแบบเคลื่อนไหวได้ มีมากมากหลายแบบ เช่น ตัวหนังสือลอยจากจอภาพด้านล่างขึ้นไปด้านบน เหมือนกับตัวหนังสือเมื่อดูภาพยนตร์ตอนจบ หรือจะวิ่งจากด้านขวามือมาซ้ายมือ หรือจะเลือกชุดสำเร็จรูปจาก Library ก็ได้
    ขั้นตอนนี้สำหรับใส่ดนตรีประกอบวีดีโอ สามารถเลือกเพลงจากแผ่น CD แล้วบันทึกมาเป็นไฟล์ทำดนตรีประกอบได้ บันทึกเสียงบรรยายวีดีโอ รวมทั้งการปรับแต่งเสียงต่างๆ เช่น ลดเสียงในวีดีโอต้นฉบับในบางช่วงขณะที่บันทึกเสียงบรรยายลงไป เพื่อให้ได้ยินเสียงบรรยายชัดเจนมากยิ่งขึ้น หรือปรับระดับเสียงของดนตรีประกอบ เป็นต้น
    ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้าย เมื่อตัดต่อวีดีโอเสร็จแล้ว ก็จะเป็นสร้างไฟล์วีดีโอสำหรับเผยแพร่ผลงาน สามารถทำได้หลายแบบ เช่น สร้างไฟล์วีดีโอสำหรับเผยแพร่ผลงานบนเว็บ เขียนวีดีโอที่ตัดต่อเสร็จแล้วกลับลงเทปอีกครั้ง เขียนลงแผ่น CD เป็น VCD หรือเขียนลง DVD

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประวัติส่วนตัว







ประวัติส่วนตัว
ชื่อ   สปัญก์     นามสกุล  ลิ่มไพบูลย์   ชื่อเล่น  ปัน
อายุ 12 ปี       เกิดวันที่  10  กุมภาพันธ์  2544
สีที่ชอบ       สีฟ้า   สีชมพู
อาหารที่ชอบ    ต้มยำกุ้ง   ข้าวผัด
งานอดิเรก   เล่นคอมพิวเตอร์  อ่านหนังสือ


วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556





 Blueberry Cream Cheese Muffin บลูเบอร์รีครีมชีสมัฟฟิน

ส่วนผสม
แป้งเค้ก 200 กรัม
ผงฟู 1 ½ ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1 ¼ ช้อนชา
พาร์มีซานชีส 2 ช้อนโต๊ะ
ครีมชีสพักไว้ให้คลายความเย็น 100 กรัม
เนยสดชนิดจืด 40 กรัม
ครีมเปรี้ยว 30 กรัม
น้ำตาลทราย 120 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
นมสด 50 มิลลิลิตร
บลูเบอร์รีสด 70 กรัม
พาร์มีซานชีสสำหรับโรยหน้าขนม 40 กรัม

วิธีทำ

1. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และเบคกิ้งโซดา เข้าด้วยกันลงอ่างผสม ใส่พาร์มีซานชีสเตรียมไว้

2. ตีครีมชีสด้วยหัวตีใบไม้ โดยใช้ความเร็วปานกลางของเครื่อง ตีพอเนื้อเนียน ใส่เนยสด ครีมเปรี้ยว และน้ำตาลทราย ตีจนน้ำตาลทรายละลายใส่ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน ลดความเร็วเครื่องลงเหลือต่ำสุด

3. ใส่แป้งที่ร่อนไว้สลับกับนมสด ผสมจนส่วนผสมเข้ากันดี ใส่บลูเบอร์รี ปิดเครื่อง ตักส่วนผสมที่ได้ใส่ถ้วยกระดาษ โรยหน้าด้วยพาร์มีซานชีส

4. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20 - 25 นาที หรือจนสุกเหลือง นำออกจากเตาอบ จัดเสิร์ฟขณะอุ่น ๆ

สูตรมาร์ชเมลโล่คัพเค้ก Marshmallow Cupcake


สำหรับ 10-12 ชิ้น
เวลาในการทำ 1 ชั่วโมง

อุปกรณ์

1. ตระกร้อตีไข่
2.กระดาษถ้วยคัพเค้ก
3. ชามผสม
4. ถุงบีบเค้ก
5. หัวบีบเค้ก
6. ตะแกรง
7. พายยาง

ส่วนผสมมาร์ชเมลโล่คัพเค้ก Marshmallow Cupcake

เนื้อเค้ก
1. เนยเค็ม 150 กรัม
2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
4. แป้งเค้ก 140 กรัม
5. ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
6. กลิ่นวนิลาผง (ผงวนิลา) 2 1/2 ช้อนชา
7. มาร์ชเมลโล่ 30 กรัม
8. ผิวเลม่อน 2 ช้อนชา

ครีมท๊อปปิ้ง

1. น้ำตาลไอซิ่ง 250 กรัม
2. เนยเค็ม 225 กรัม
3. กลิ่นวนิลา 2 ช้อนชา
4. มาร์ชเมลโล่ ตามชอบ
5. เกล็ดน้ำตาลแต่งหน้าเค้ก ตามชอบ
6. สีผสมอาหาร ตามชอบ

วิธีทำมาร์ชเมลโล่คัพเค้ก Marshmallow Cupcake

1. อุ่นเตาที่อุณหภุมิ 175 องศาเซลเซียล
2. ตีเนยเค็มด้วยตะกร้อจนเป็นครีม
3. ใส่น้ำตาลทรายตีต่อจนเข้ากันดีเป็นเนื้อเดียว
4.ใส่ไข่ไก่ทีละฟอง ค่อยๆใส่จนหมด พร้อมกับตีด้วยตะกร้อไปเรื่อยๆ
5. เมื่อเข้ากันดีแล้ว ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และวนิลาผงรวมกัน
6. ตักใส่ในส่วนผสมแรก
7. คนตะล่อมด้วยพายยางจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
8. ตักใส่ในพิมพ์กระดาษถ้วยคัพเค้ก 1/2 ถ้วย
9. ใส่มาร์ชเมลโล่ลงตรงกลาง ตักใส่เนื้อคัพเค้กจนเกือบเต็มถ้วย
10. นำเข้าอบ 25-30 นาที (ขึ้นอยู่กับขนาดของถ้วย)
11. เมื่อสุกนำออกมาพักบนตะแกรงจนเย็น
12. ทำตัวครีมแต่งหน้าคัพเค้ก เริ่มจากใช้ไม้พายคนส่วนผสม น้ำตาลไอซิ่ง และเนยเค็มให้เข้ากัน ใส่กลิ่นวนิลาและแบ่งเป็นสีๆ ผสมสีตามชอบ คนให้เข้ากันดี
13. เมื่อเข้ากันดี ตักใส่ถุงบีบหน้าเค้ก
14. แต่งคัพเค้กตามชอบ